เค้าว่ากันว่า " คาเวียร์ " เป็นมากกว่าแค่อาหารชั้นเลิศในภัตตคาร


คาเวียร์สีดำ ขึ้นชื่อว่าเป็นอาหารชั้นเลิศและมีรสชาติยอดเยี่ยมที่สุดมาโดยตลอด จวบจนปัจจุบัน   คาเวียร์สีดำยังคงเป็นสุดยอดอาหารที่บริการในภัตตาคารชั้นดี โรงแรม เรือสำราญ และในเที่ยวบินระดับเฟิร์สคลาส
คาเวียร์สีดำ ได้จากปลาสกุลสเตอร์เจินเท่านั้น ปลาชนิดนี้มีถิ่นอาศัยในทะเลแคสเปียน แม่น้ำวอลกา และแม่น้ำอามูร์ แต่ด้วยเป็นที่ต้องการอย่างมาก ประกอบกับเมื่อไม่นานมานี้ ได้มีการพัฒนาเทคนิคต่างๆ ในการทำฟาร์มปลาสเตอร์เจิน ปลาสเตอร์เล็ต และแม้แต่ปลาเบลูกา รวมถึงการผสมพันธุ์ระหว่างปลาข้ามสายพันธุ์ในสกุลเดียวกัน ทำให้ได้คาเวียร์ที่มีรสชาติและคุณสมบัติใหม่ๆ ที่แตกต่างออกไป



การรับประทานคาเวียร์ 
แรกเริ่มเดิมทีนั้น การรับประทานคาเวียร์สีดำ คือไลฟ์สไตล์ที่บ่งบอกถึงความสมบูรณ์พูนสุขและความสำเร็จในชีวิต เป็นสิ่งที่ถือปฏิบัติกันมาหลายช่วงศตวรรษสำหรับชาวยุโรป และชาวรัสเซียผู้พำนักในพระราชวัง คาเวียร์สีดำเป็นสัญลักษณ์ของความหรูหราของชนชั้นสูง
คาเวียร์สีดำ สามารถเสิร์ฟคู่กับเนยหั่นบาง หรือครีมชีส และผักชีลาว อาจทานคู่กับแครกเกอร์ ขนมปังปิ้ง หรือ      แพนเค้ก พร้อมแชมเปญ หรือวอดก้า
ในยุคสมัยแห่งราชวงศ์รัสเซียนั้นเรียกปลาสเตอร์เล็ตซึ่งเป็นปลาสเตอร์เจินชนิดที่เล็กที่สุดว่า “ปลาของพระเจ้าซาร์”    ที่เสิร์ฟให้กับบุคคลในราชวงศ์ รสชาติที่ล้ำเลิศของเนื้อ และเนื้อปลาสเตอร์เจินที่นุ่มนวลและชุ่มฉ่ำ สามารถนำเข้าเตาอบ หรือนำไปปรุงให้สุกในหม้อได้ง่าย ใช้ทำไส้พายรัสเซียที่โด่งดัง และยังสามารถทำเป็นซุปปลาแสนอร่อยได้อีกด้วย
ประโยชน์ และคุณค่าทางโภชนาการ
คาเวียร์สีดำ เปี่ยมคุณประโยชน์มากมาย ด้วยองค์ประกอบอันโดดเด่น ซึ่งนอกจากอุดมโปรตีนอย่างยิ่งแล้ว ยังประกอบไปด้วยวิตามิน เอ บี ซี ดี และอี รวมทั้งสารอาหารรองอีกหลายชนิด อาทิ ไอโอดีน สังกะสี โปรแตสเซียม โซเดียม และแมกนีเซียม คาเวียร์สีดาช่วยเสริมสร้างระบบหัวใจและหลอดเลือด อีกทั้งส่วนที่เกี่ยวข้องกับกระเพาะอาหารและลำไส้ ไข่ปลาแต่ละฟองประกอบไปด้วยสารอาหารสำคัญที่จำเป็นต่อการพัฒนาสุขภาพและการทำหน้าที่ส่วนต่างๆ ของร่างกาย
นักวิทยาศาสตร์ได้พิสูจน์แล้วว่า ผู้ที่รับประทานคาเวียร์สีดำอย่างสม่ำเสมอ จะมีอายุยืนยาวกว่าปกติทั่วไปประมาณ 4 – 9 ปี และจะสามารถคงความแข็งแรง และพละกำลังทั้งทางร่างกายและจิตใจได้ยาวนานกว่า ซึ่งไม่น่าประหลาดใจแต่อย่างใด เพราะคาเวียร์สีดำเป็นตัวช่วยชะลอการเปลี่ยนแปลงของเซลล์ต่างๆ และกระบวนการชราภาพของคนเราได้  คาเวียร์สีดำยังช่วยป้องกันการเกิดเซลล์มะเร็งได้อีกด้วย
คาเวียร์สีดำ เป็นอาหารที่แนะนำสำหรับผู้ที่มีระดับฮีโมโกลบินต่ำ เนื่องจากคาเวียร์สีดำสามารถช่วยชดเชยภาวะที่ร่างกายขาดธาตุเหล็กได้ นอกจากนี้ คาเวียร์สีดำยังประกอบด้วยฟอสฟอรัสซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นต่อการสร้างกระดูก การรับประทานอาหารที่มีฟอสฟอรัสเป็นประจำจะช่วยขจัดปัญหาของการนอนไม่หลับ และความเหนื่อยล้าทางจิตใจได้
คาเวียร์สีดำ ยังเปี่ยมด้วยสารเลซิธิน และกรดไขมันโอเมก้า จึงส่งผลต่อการพัฒนาสมองและความจำ รวมทั้งรักษาความคงที่ของระบบประสาท กรดไขมันชนิดไม่อิ่มตัวโอเมก้า 3 และโอเมก้า 6 ส่งผลต่อกระบวนการเผาผลาญของร่างกาย เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน และระบบความดันโลหิต รับประทานคาเวียร์สีดำจึงช่วยลดโอกาสในการเป็นโรคหัวใจลงได้
วิตามินดี สารอาหารสำคัญที่มีอยู่ในคาเวียร์สีดำ ให้ประโยชน์ในการดูดซึมแคลเซียมเข้าสู่ร่างกาย จึงเป็นอีกหนึ่งองค์ประกอบสำคัญที่ส่งผลดีต่อการเสริมสร้างเซลล์กระดูกอย่างเหมาะสม คาเวียร์สีดำอุดมด้วยไอโอดีน ดังนั้นจึงเป็นตัวปกป้องที่ดีไม่ให้เกิดโรคไทรอยด์ เมื่อไม่นานมานี้ ได้เริ่มมีการนำคุณค่าอันมหัศจรรย์ของคาเวียร์สีดำ มาใช้ในการผลิตเครื่องสำอาง โดยได้มีการพิสูจน์คุณสมบัติของคาเวียร์ซึ่งมีคุณอนันต์ต่อการคงความอ่อนเยาว์ของผิวพรรณตลอดจนความดกดำเงางามของเส้นผม
ผู้ที่ควบคุมน้ำหนักด้วยการลดอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรต สามารถเลือกรับประทานคาเวียร์สีดำ โดยงดเว้นขนมปังและเนย หรือแพนเค้ก แล้วชดเชยด้วยโปรตีนจากไข่ต้มแทน
มีงานวิจัยใหม่ยืนยันว่าคาเวียร์สีดำ เป็นวิธีในการเพิ่มความอ่อนเยาว์ ความแข็งแรง และสมรรถภาพของร่างกาย คุณสมบัติอันละเอียดอ่อนนี้ให้คุณต่อการเสริมสร้างคอลลาเจนซึ่งช่วยปรับสภาพผิวพรรณให้ดีขึ้น
นอกจากนี้ คาเวียร์สีดำยังช่วยปกป้องผลเสียจากการดื่มแอลกอฮอล์ เพราะประกอบไปด้วยอะเซทีลคลอรีน ซึ่งเป็นสารสื่อประสาทที่ช่วยเพิ่มอำนาจในการต้านฤทธิ์แอลกอฮอล์มากยิ่งขึ้น และถ้ารับประทานในระหว่างงานเลี้ยงสังสรรค์ จะช่วยให้เช้าวันใหม่เป็นวันที่สดชื่น และกระปี้กระเปร่าหลังจากค่ำคืนอันแสนสนุกสนาน

คาเวียร์กับเครื่องสำอางค์วิทยา  
คาเวียร์สีดำ ช่วยเสริมสร้างความอ่อนเยาว์ของผิวพรรณ เพราะประกอบด้วยส่วนผสมอันโดดเด่นของโปรตีน วิตามินและแร่ธาตุในปริมาณสูง โครงสร้างเซลล์ของคาเวียร์คล้ายคลึงกับโครงสร้างของเซลส์ผิวของมนุษย์ และส่งผลให้ผิวพรรณสดชื่นขึ้นและกลับเป็นหนุ่มสาวขึ้นอีกครั้ง
ทุกสิ่งทุกอย่างเริ่มขึ้นได้อย่างไร…
การค้นพบที่ยอดเยี่ยมนั้นเกิดขึ้นบ่อยครั้งรวมถึงการค้นพบคุณสมบัติของคาเวียร์ที่มีต่อวงการเครื่องสำอางด้วยเช่นกันการผลิตเครื่องสำอางจากคาเวียร์สีดำที่มีชื่อเสียงมากที่สุดคือผลงานของมาดาม    มิลเลต (Ingrid Millet) ผู้ซึ่งค้นพบเป็นครั้งแรกถึงคุณสมบัติของสารสกัดจากเซลล์และนำมาใช้ในผลิตภัณฑ์ของเธอเพื่อต่อต้านกระบวนการเสื่อมสภาพของผิวพรรณการค้นพบนี้เกิดขึ้นเมื่อครั้งที่มาดามมิลเลตได้พบสตรีที่กำลังแล่เนื้อปลาอยู่บนชายฝั่งทะเลแห่งหนึ่งและพูดถึงเรื่องของคาเวียร์สีดำมาดามสังเกตพบความจริงที่แสนมหัศจรรย์ว่าใบหน้าของคนงานสตรีผู้นั้นเต็มไปด้วยริ้วรอยและถูกทำลายด้วยสภาพอากาศขณะที่มือของเธอกลับแลดูอ่อนเยาว์และนุ่มนวลอย่างมากราวกับไม่เคยผ่านการทำงานหนักใดๆนอกจากการเย็บปักถักร้อยมาดามมิลเล็ตตัดสินใจเริ่มโครงการศึกษาทางวิทยาศาสตร์ทันทีที่สถาบันเครื่องสำอางค์ในกรุงปารีสเพื่อค้นคว้าคุณสมบัติของคาเวียร์สีดำ  ผลการศึกษาพบสิ่งที่คาดหวังทุกประการคาเวียร์สีดำส่งผลต่อผิวพรรณอย่างน่าอัศจรรย์หลังจากนั้นต่อมาไม่นานในปี 2507 เครื่องสำอางค์ชนิดใหม่ที่ผลิตจากสารสกัดของคาเวียร์สีดำก็ได้ปรากฎขึ้นบนชั้นขายสินค้าภายใต้ชื่อ Perle de Caviar ซึ่งมีทั้งครีมโทนเนอร์และมาสค์หน้า
นี่คือการค้นพบว่าคาเวียร์สีดำประกอบด้วยสารอันทรงคุณค่าทั้งวิตามินลิพิดโปรตีนสไตรีนและแร่ธาตุซึ่งช่วยบำรุงผิวพรรณให้อ่อนเยาว์สารสกัดจากคาเวียร์สีดำเป็นแหล่งของคีราติโนไซท์ไฟโบรบลาสลิมโฟไซท์วิตามินเอ (สำหรับผิว) (ตัวเร่งปฏิริยาทางเคมีตัวควบคุมการเผาผลาญ) วิตามินอี (ต้านอนุมูลอิสระ) ธาตุที่สำคัญ- เหล็ก (ส่วนสำคัญของฮีโมโกลบิน) แมกนีเซียม (เกี่ยวข้องในขบวนการผลัดเปลี่ยนเซลล์กล้ามเนื้อ) ทองแดง (เร่งปฏิกิริยาทางเคมี) กรดอะมิโน  มิวโคโพลิแซ็คคาไรด์ไกลโคโปรตีนและฟอสฟอลิพิด
คาเวียร์สีดำช่วยทำให้ผิวของคุณกระชับขึ้นยืดหยุ่นนุ่มปรับผิวอ่อนล้าให้แข็งแรงและชะลอวัยได้หลังจากที่ได้ใช้ผลิตภัณฑ์จากคาเวียร์สีดำแล้วนั้นจะให้ผลที่รวดเร็วและน่าตื่นเต้น
วิธีการผลิตคาเวียร์สีดำมีขั้นตอนอย่างไรนั้นเป็นความลับอย่างเคร่งครัดของผู้ผลิตโดยผู้ผลิตแต่ละรายต่างมีสูตรพิเศษเฉพาะตัวอย่างไรก็ตามคุณสามารถที่จะสัมผัสความมหัศจรรย์นี้และเข้าสู่โลกแห่งความอลังการของการบำบัดผิวโดยใช้สูตรการดูแลและปรนนิบัติผิวหน้าแบบโฮมเมดด้วยตัวเองที่บ้าน
- มาส์คบำรุงผิวหน้าด้วยคาเวียร์สีดำ
นำคาเวียร์สีดำ 1 ช้อนชา ผสมกับครีมบำรุงที่คุณใช้อยู่เป็นประจำ ทาบนผิวหน้า และทิ้งไว้ 15 – 20 นาที ล้างออกด้วยน้ำอุ่น
- มาส์คเติมความชุ่มชื้นให้ผิวหน้าด้วยคาเวียร์สีดำ
หยดน้ำมันมะกอก 2 – 3 หยด กับคาเวียร์สีดำ 1 ช้อนชา ผสมให้เข้ากันและทาลงบนผิวหน้า หลังจากพักไว้ 20 นาที จึงล้างออกด้วยน้ำอุ่น แต่หากคุณมีผิวมัน ให้ใช้นมเปรี้ยว หรือโยเกิร์ตแทนน้ำมันมะกอก
- มาส์คกระชับผิวหน้าด้วยคาเวียร์สีดำ
ไข่แดงดิบ 1 ฟองเคล้ากับคาเวียร์สีดำ 1 ช้อนชา เติมขนมปังขาวเล็กน้อยเพื่อเพิ่มความหนาแน่นมากยิ่งขึ้น แล้วทาบนผิวหน้า ทิ้งไว้ 20 นาที ล้างออกด้วยน้ำอุณหภูมิห้อง
บริษัท คาเวียร์ เฮ้าส์ จำกัด (Caviar House Co., Ltd.) บริษัทจดทะเบียนไทยในปีพ.ศ. 2558 ก่อตั้งขึ้นโดย             มร. อเล็กซี ทูทิน และคุณนภดล คำใส เพื่อนำเข้าและจัดจำหน่ายคาเวียร์ในประเทศไทย
วัตถุประสงค์ในการก่อตั้งบริษัทฯ  คือ การแนะนำและประชาสัมพันธ์คาเวียร์สีดำแก่คนไทยว่าเป็นอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง ไม่ใช่เป็นเพียงแค่อาหารราคาแพงที่เป็นที่ชื่นชอบของคนมีฐานะหรือคนมีชื่อเสียง ทางบริษัทฯ ได้นำเข้า      คาเวียร์ 4 ชนิดจากฟาร์มที่เป็นพันธมิตรทางธุรกิจในรัสเซีย และจีนเพื่อขายในประเทศไทย
บริษัท คาเวียร์ เฮ้าส์ จำกัด ช่วยส่งเสริมด้านธุรกิจให้แก่ บริษัท ไทย สเตอร์เจิน ฟาร์ม จำกัด (Thai Sturgeon Farm Co., Ltd.) ที่ก่อตั้งขึ้นโดยนักลงทุนชาวไทยและรัสเซียในปีพ.ศ. 2557  เพื่อสร้างฟาร์มเลี้ยงปลาสเตอร์เจินขึ้นที่อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เพื่อนำเนื้อปลามาบริโภค และผลิตคาเวียร์สีดำโดยมีกำลังการผลิตสูงสุดถึง 2,000 กิโลกรัมต่อปี   เนื่องจากการสร้างฟาร์มเสร็จสมบูรณ์แล้ว ทางบริษัทฯ คาดว่าจะทำการปล่อยลูกปลาสู่บ่อเลี้ยงในเดือนพฤษภาคม 2559  สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโครงการ เทคนิคการเลี้ยง และการขยายพันธุ์ สามารถค้นหาได้ที่เว็บไซต์ www.sturgeon.co.th
บริษัท คาเวียร์ เฮ้าส์ จำกัด นำเข้าคาเวียร์แบบคลาสิก พรีเมียม และเบลูกา คาเวียร์จากฟาร์มของบริษัทพันธมิตรซึ่งผลิตด้วยเทคโนโลยีเดียวกันกับ ไทย สเตอร์เจิน ฟาร์ม รวมถึงองค์ประกอบอื่นๆ ซึ่งอยู่ในมาตรฐานเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นพันธุ์ปลา อาหารที่ใช้เลี้ยงปลา  ดังนั้นคาเวียร์ที่นำเข้า และคาเวียร์จากฟาร์มของบริษัทฯ จึงเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีรสชาติและคุณภาพในระดับเดียวกัน
อเล็กซี เอทูทิน ผู้ร่วมก่อตั้ง และกรรมการ
อเล็กซี เกิดเมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2511 ที่เมืองโนโวซีบีสค์ รัสเซีย สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโท สาขาวิชา ได้แก่ วิศวกรรมเครื่องกลจากมหาวิทยาลัย Novosibirsk State Technical การบริหารการเงินจากสถาบันพัฒนาบุคคลากร State Central Institute of Raising Managers & Specialists กระทรวงพลังงานนิวเคลียร์ รัสเซีย และการบริหารจัดการธุรกิจ จากมหาวิทยาลัย Rochville สหรัฐอเมริกา 
ก่อนที่เขาจะย้ายมาพำนักที่ประเทศไทยในปีพ.. 2547 อเล็กซีทำงานอยู่ที่เมืองโนโวซีบีสค์ในรัสเซียเป็นเวลา 14 ปีกับบริษัท Elektron (Electron) Construction & Assembly จำกัด เขาได้สั่งสมประสบการณ์การทำงานในตำแหน่งผู้อำนวยการของบริษัทในเครือฯ หลายแห่ง ได้แก่ บริษัท Variant จำกัด (ปีพ.2533 – 2537) และบริษัท Electron Real Estate จำกัด (ปีพ.. 2538) รวมทั้งบริษัท Elektron (Electron) Construction & Assembly จำกัด สำนักงานใหญ่ในตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายการเงิน (ปีพ.. 2540 – 2544) นอกจากนี้ในระหว่างปีพ.2544 – 2545 เขาได้ร่วมงานกับ Promstalkonstruksiya OJSC (PSK Plant OJSC) ผู้นำด้านอุตสาหกรรมโลหะและผู้ผลิตโครงสร้างโลหะขนาดใหญ่ในตำแหน่งประธานคณะกรรมการบริหาร 
แม้ว่าประสบการณ์ด้านอุตสาหกรรมอาหารจะเกิดขึ้นเมื่อเขาร่วมงานกับบริษัท Variant จำกัด  แต่อเล็กซีได้เริ่มสนใจและ      สั่งสมความรู้ด้านอาหารอย่างจริงจังเมื่อเขาร่วมงานกับ บริษัท Siberian Food จำกัด ในฐานะผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดในปีพ.2545
ต่อมาเมื่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยอยู่ในช่วงขาขึ้น และชาวรัสเซียมีความสนใจที่จะครอบครองบ้านพักตากอากาศที่เกาะสมุย  อเล็กซีจึงตัดสินใจที่จะทำธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยโดยก่อตั้งบริษัท ThaiProperty จำกัด เพื่อรองรับความต้องการของนักลงทุนชาวรัสเซีย และผู้ที่มองหาบ้านหลังที่ ผ่านทางเว็บไซต์ www.thaiproperty.ru โดยในระหว่างปีพ.ศ. 2547 – 2554  บริษัท ThaiProperty จำกัด ได้พัฒนาโครงการต่างๆ บนเกาะสมุยมากมายรวมทั้งสิ้นวิลล่า 32 หลัง และคอนโดมิเนียม แห่ง



ต่อมาอเล็กซีเห็นโอกาสทางธุรกิจในการทำฟาร์มเลี้ยงปลาสเตอร์เจิน และผลิตคาเวียร์ในประเทศไทย ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจตั้งบริษัทไทย สเตอร์เจิน ฟาร์ม จำกัด ในปีพ.ศ. 2554 เข้าร่วมหุ้นกับคุณนพดล คำใสและเพื่อชาวรัสเซียอีกหนึ่งท่าน ด้วยทุนจดทะเบียน 20 ล้านบาท และพื้นที่ขนาด 6.5 ไร่ที่อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์สำหรับโครงการทำฟาร์มเลี้ยงปลา        สเตอร์เจินแบบผสมข้ามสายพันธุ์ โดยใช้ระบบ Recirculating Aquaculture System (RAS) สำหรับการผลิตเนื้อปลา คาเวียร์ และผลิตภัณฑ์อื่นๆ สำหรับตลาดในประเทศและต่างประเทศ โดยคาดว่าจะสามารถผลิตคาเวียร์ได้มากถึง 1,500  กิโลกรัมต่อปี นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีแผนที่จะขายส่งคาเวียร์ในประเทศไทยและส่งออกไปยังร้านค้าปลีก  ร้านอาหาร และโรงแรมในต่างประเทศ  นับแต่เดือนธันวาคม 2558 การก่อสร้างฟาร์มได้เสร็จสมบูรณ์ และได้มีการติดตั้งเครื่องมืออุปกรณ์ต่างๆ ซึ่งคาดว่าจะสามารถปล่อยลูกปลาสู่บ่อเลี้ยงได้ในเดือนพฤษภาคม 2559
เพื่อเป็นการสร้างความต้องการในตลาด และความคุ้นเคยให้แก่ลูกค้าชาวไทย อเล็กซี และนพดลจึงก่อตั้งบริษัท คาเวียร์ เฮ้าส์ จำกัดขึ้นเพื่อนำเข้าคาเวียร์จากฟาร์มของพันธมิตรทางธุรกิจในรัสเซียและจีน ที่ใช้เทคโนโลยีในการผลิต พันธุ์ปลา และอาหารปลาแบบเดียวกับของบริษัท ไทย สเตอร์เจิน ฟาร์ม จำกัด เพื่อให้ลูกค้าในประเทศคุ้นเคยกับรสชาติและคุณภาพของคาเวียร์ซึ่งบริษัทฯ จะสามารถผลิตในมาตรฐานเดียวกันนี้ได้ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า
นพดล คำใส ผู้ร่วมก่อตั้ง และกรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทย สเตอร์เจิน ฟาร์ม จำกัด 
นพดล เกิดเมื่อเมษายน 2522 ที่อำเภอพะเยา จังหวัดเชียงราย เขาร่วมงานกับบริษัท ThaiProperty จำกัด เกาะสมุยในปีพ.ศ. 2549ดูแลกลุ่มลูกค้าชาวรัสเซีย หลังจากนั้น 2 ปี เขาได้ตั้งบริษัทอสังหาริมทรัพย์ของตนเองชื่อบริษัท Avanta Estates จำกัด เจ้าของโครงการคอนโดมิเนียม 50 ยูนิต บนพื้นที่ ไร่ในบริเวณหาดแม่น้ำบนเกาะสมุยติดกับโครงการคีรีคายัน ลักซ์ชัวรี่       พูลวิลล่า แอนด์สปา  
ระหว่างที่นพดลอยู่ที่เกาะสมุยได้รู้จักกับอเล็กซี ทูทิน และในปีพ.ศ. 2554 ทั้งคู่ได้ตัดสินร่วมลงทุนทำฟาร์มปลาสเตอร์เจิน ที่อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เพื่อผลิตคาเวียร์ และเนื้อปลาสเตอร์เจิน  อเล็กซี นพดลและเพื่อนชาวรัสเซียอีกหนึ่งท่านร่วมกันเปิดบริษัท ไทย สเตอร์เจิน ฟาร์ม จำกัด  ด้วยทุนจดทะเบียน 20 ล้านบาท การก่อสร้างและติดตั้งเครื่องมืออุปกรณ์บนพื้นที่ 6.5 ไร่ เสร็จสมบูรณ์เมื่อเดือนธันวาคม 2558 และจะสามารถปล่อยลูกปลาสู่บ่อเลี้ยงได้ในเดือนพฤษภาคม 2559    บริษัทฯ คาดว่าจะสามารถผลิตคาเวียร์ได้มากถึง 1,500  กิโลกรัมต่อปี และมีแผนที่จะขายส่งคาเวียร์ในประเทศไทยและส่งออกไปยังร้านค้าปลีก  ร้านอาหาร และโรงแรมในต่างประเทศผ่านช่องทางจัดจำหน่ายของบริษัทฯ
อเล็กซี และนพดลก่อตั้งบริษัท คาเวียร์ เฮ้าส์ จำกัด ขึ้นเพื่อนำเข้าคาเวียร์จากฟาร์มของพันธมิตรทางธุรกิจในรัสเซียและจีน ที่ใช้เทคโนโลยีในการผลิต พันธุ์ปลา และอาหารปลาแบบเดียวกับของบริษัท ไทย สเตอร์เจิน ฟาร์ม จำกัด เพื่อให้ลูกค้าในประเทศคุ้นเคยกับรสชาติและคุณภาพของคาเวียร์ซึ่งบริษัทฯ จะสามารถผลิตในมาตรฐานเดียวกันนี้ได้ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า     คาเวียร์ เฮ้าส์ มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความต้องการคาเวียร์แก่ตลาดภายในประเทศ และให้ความรู้เกี่ยวกับประโยชน์ของ  คาเวียร์ที่มีต่อสุขภาพในราคาที่เหมาะสม

นพดลสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโทสาขาวิชาการตลาดจากมหาวิทยาลัย Rochville สหรัฐอเมริกา

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม